ชื่องานวิจัย
|
การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้อง
กับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
3
|
ผู้วิจัย
|
นางสาวนิชาภา พราวศรี
ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
|
|
โรงเรียนบ้านสิริขุนหาญ อำเภอขุนหาญ
จังหวัดศรีสะเกษ
|
|
องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
|
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง
การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาและความต้องการในพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้
ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2. เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้
ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
และให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
3. เพื่อทดลองใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้
ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4. เพื่อประเมินผลการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้
ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วย
4.1 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กับคะแนนเกณฑ์ร้อยละ 80 4.2 เพื่อศึกษาความคงทนของความรู้ทางการเรียนภาษาไทยเรื่องการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกด
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
4.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
3
ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกด
กลุ่มตัวอย่าง
เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนบ้านสิริขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
ปีการศึกษา 2559 ภาคเรียนที่ 1 ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
3 2)
คู่มือการใช้แบบฝึกทักษะและแผนการจัดการเรียนรู้ 3)
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน
30 ข้อ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจจำนวน 1
ฉบับ
ผลการวิจัย พบว่า
1. แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
3 ได้พัฒนาขึ้นจากการ
ศึกษาข้อมูลพื้นฐานได้แก่ เอกสารแนวคิดต่างๆ
ข้อมูลจากการสัมภาษณ์หรือสอบถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วนำผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานมาเป็นกรอบแนวคิดในการสร้างแบบฝึกฉบับร่าง
ซึ่งแบบฝึกการอ่านคำมีส่วนประกอบชื่อแบบฝึก คำชี้แจง คำแนะนำการใช้แบบฝึก สารบัญ จุดประสงค์ แบบฝึกทักษะ แบบทดสอบท้ายแบบฝึกทักษะ
เฉลยแบบฝึกทักษะ เฉลยแบบทดสอบท้ายแบบฝึกทักษะ ผลการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ 5
คน ได้ค่าความเหมาะสมและสอดคล้องมีค่าเฉลี่ย( ) ตั้งแต่ 4.6 – 5.0
และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ตั้งแต่ .00 -
.55 ซึ่งแสดงว่าแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกด
ที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมและสอดคล้องเชิงโครงสร้าง
สามารถนำไปทดลองใช้ได้และผลการหาประสิทธิภาพ(E1/E2) โดยการทดลองภาคสนาม (Field Tryout)
ได้ค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
3 โดยภาพรวมเท่ากับ 83.88/ 84.69 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
2.
หลังจากทดลองใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
ได้ค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะเท่ากับ 83.46/83.74 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์
80/80 โดยในภาพรวมอยู่ในระดับสูงมากและสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกด
ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.86 อยู่ในระดับมากที่สุด
4. หลังจากทดลองใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกดที่สอดคล้องกับหลักพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมองกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผ่านไป 14 วัน นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความคงทนของความรู้ทางการเรียนเรื่องการอ่านและการเขียนคำไม่ตรงมาตราตัวสะกด
|