ผู้วิจัย ยุวรี แก้วคาไสย์

ปีที่วิจัย 2562

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนร่วมกับการเรียนรู้ ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Constructivist) เรื่อง 8 มาตราตัวสะกดจดจาไว้ ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/2 โรงเรียนบ้านสิริขุนหาญ อาเภอ ขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จานวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random sampling) เครื่องมือที่ใช้ ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบฝึกเสริมทักษะการเขียน เรื่อง 8 มาตราตัวสะกดจดจาไว้ จานวน 8 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จานวน 16 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จานวน 20 ข้อ 4) แบบวัดทักษะการเขียน จานวน 2 ฉบับ โดยฉบับที่ 1 เขียนตามคาบอก และ ฉบับที่ 2 เขียนประโยคจากภาพและคา และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ จานวน 10 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการคานวณหาประสิทธิภาพ (E1/E2) หาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t - test)

ผลการวิจัยพบว่า

ผลการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียนร่วมกับการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Constructivist) เรื่อง 8 มาตราตัวสะกดจดจาไว้ เท่ากับ 85.29/84.00 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ การเขียนร่วมกับการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Constructivist) เรื่อง 8 มาตราตัวสะกด จดจาไว้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนร้อยละ 80 มีทักษะการเขียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 โดยเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 84.33 และความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนร่วมกับการเรียนรู้ตามทฤษฎี คอนสตรัคติวิสต์ (Constructivist) เรื่อง 8 มาตราตัวสะกดจดจาไว้ อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 2.56 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.50